นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานพิธีเปิดเวทีการแสดงแบบผ้าไทย ในงานนิทรรศการ “วิจิตราภูษา งามล้ำค่าภูมิปัญญาไทย เทิดไท้องค์ราชินี” จังหวัดชลบุรี ณ บริเวณสวนอาคารเรือนไทย พัทยาใต้ จังหวัดชลบุรี
กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดสรรงบประมาณ แบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนพื้นที่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงมีคุณูปการงานด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
นายสามารถ เที่ยงพูนวงศ์ วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี กล่าวกว่า สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี ร่วมกับกลุ่มพัฒนาสตรีเมืองพัทยา จัดกิจกรรมนิทรรศการ “วิจิตราภูษา งามล้ำค่าภูมิปัญญาไทย เทิดไท้องค์ราชินี” ขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา 12 สิงหาคม 2559 เป็นการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้ประชาชนในพื้นที่แต่งกายด้วยผ้าไทยอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อส่งเสริมความรู้ ทัศนคติที่ดี ค่านิยม และจิตสำนึกให้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของการแต่งกายด้วยผ้าไทยเพื่อให้มรดกภูมิปัญญาของชาติได้รับการสืบทอดอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การจัดพิธีถวายราชสักการะและถวายพระพรชัยมงคล พิธีเปิดพิพิธภัณฑ์เนาวรัตน์ผ้าไทย การเดินแบบผ้าไทย (ผ้าไทยโบราณ ผ้าไทยสไตล์ชลบุรี และผ้าไทย 9 รัชกาล) การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไทย การแสดงศิลปะและวัฒนธรรมพื้นบ้าน และการสาธิตและสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น (แกะสลักผักและผลไม้)
นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชปณิธานและพระราชประสงค์จะฟื้นฟู รักษา และพัฒนามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติในแขนงต่างๆ ให้มีความเจริญรุ่งเรือง ทรงริเริ่มส่งเสริมและฟื้นฟูการทอผ้า ทั้งผ้าไหมและผ้าพื้นบ้าน ของภาคต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้จัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพ เพื่อฝึกอาชีพด้านหัตถศิลป์ ในแขนงต่างๆ มิให้สูญหายไป และยังก่อให้เกิดอาชีพหลัก ที่สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร อย่างยั่งยืน ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ ในการสืบทอดคุณค่า แห่งภูมิปัญญาท้องถิ่น อีกทั้งทรงเป็นต้นแบบในการนำผ้าไทย มาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทรงนำผ้าไหมมาตัดเย็บ เป็นชุดฉลองพระองค์ เช่น ชุดไทยพระราชนิยม และชุดแบบสากลอื่นๆ เป็นลำดับมาจนกลายเป็นความนิยมในหมู่ประชาชนชาวไทยอีกครั้ง แผ่ขยายออกไปสู่สังคมสากล อันมีผลต่อการเสริมสร้างเศรษฐกิจชาติ และรักษาสืบทอดภูมิปัญญาไทย ให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทย อย่างยิ่งยืนนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ และทรงคุณค่าอเนกอนันต์ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ นานัปการต่อการธำรงไว้ ซึ่งเอกลักษณ์และศักดิ์ศรี ของความเป็นไทยทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า “องค์เอกอัครอุปถัมภ์มรดกช่างศิลปไทย” เมื่อพุทธศักราช 2536 และ “อัคราภิรักษศิลปิน” เมื่อพุทธศักราช 2555
ส่วนพิพิธภัณฑ์เนาวรัตน์ผ้าไทย เกิดจากนางเนาวรัตน์ ค้าขาย ประธานกลุ่มพัฒนาสตรีเมืองพัทยา เป็นที่ชื่นชอบผ้าไทย จึงได้สะสมผ้าไหม ผ้าฝ้ายในภูมิภาคต่างๆ โดยเริ่มแรกสะสมผ้าไหมมัดหมี่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ้าฝ้ายจากภาคเหนือ ซึ่งขณะนี้มีมากกว่า 1,000 ชิ้น จึงมีแนวคิดว่าน่าจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ไทย เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สนองต่อนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน ที่ส่งเสริมความเป็นไทยไม่ว่าผ้าไทย ภาษาไทย อาหารไทยและศิลปวัฒนธรรมไทย ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทยเพื่อให้เกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมรายได้กับประชาชนอีกด้วย