หน้าหลัก ข่าว ข่าวประชาสัมพันธ์ ติดต่อเรา

เปิดแผนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้าง ทลฉ. เฟส 3 ทั้งหาที่ทำกินใหม่-อุดหนุนงบประมาณ



     ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ได้ออกมาเปิดเผยต่อสี่อมวลชนถึงแนวทางการเยียวยาผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ว่า ที่ผ่านมาท่าเรือฯ ได้ทำประชาพิจารณ์เพื่อสอบถามความคิดเห็นจากชาวบ้านและผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ ครั้งที่ 1 ไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งในครั้งนั้นยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากภาคประชาชน จึงทำให้ในช่วงปลายปี 2559 ต้องจัดทำการประชาพิจารณ์อีกครั้งกระทั่งผ่านความเห็นชอบ และมีข้อเสนอแนะจากภาคประชาชนให้จัดทำแบบการก่อสร้างในลักษณะคู่ขนานกันไป ซึ่งการทำประชาพิจารณ์ในครั้งที่ 2 เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยพบว่าชาวบ้านและชาวประมง ยังคงมีความกังวลว่าท่าเรือฯ จะเยียวยาด้านผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับการทำมาหากินอย่างไร เช่นเดียวกับภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวในเมืองพัทยา ที่กังวลในเรื่องการเคลื่อนตัวของชายฝั่งและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม “ มาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเลี้ยงหอยแมลงภู่ และกลุ่มอาชีพประมงพื้นบ้าน รวมทั้งประมงชายฝั่งนั้น จากการเก็บรวบรวมข้อมูลและทำการศึกษาก็ขอแจงต่อภาคประชาชนว่า ท่าเรือแหลมฉบัง และการท่าเรือแห่งประเทศไทย จะใช้พื้นที่จำนวน 500-600 ไร่ในทะเลซึ่งเป็นของท่าเรือฯ เพื่อกันไว้เป็นพื้นที่เพาะเลี้ยงหอยแมลงภู่ ให้กับผู้ประกอบการ โดยจะแบ่งเขตให้ทำกินอย่างเท่าเทียบกันในลักษณะ สปก.ที่ซื้อ-ขายสิทธิ์ไม่ได้ และระหว่างการเคลื่อนย้ายฟาร์มจากแหล่งทำกินเดิมมาอยู่ยังที่เพราะเลี้ยงแห่งใหม่ ท่าเรือฯ ก็จะจัดสรรค่ารื้อถอนให้ตามเกณฑ์กติกา โดยจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อราย ส่วนผู้ที่มีอาชีพจับ ปู ,ปลาและปลาหมึกขาย ทลฉ.จะให้เลือกพื้นที่ดำเนินการภายใต้การดูแลของประมงอำเภอ โดยตั้งเป็นรูปแบบสหกรณ์ หรือชมรมฯในลักษณะนิติบุคคล เพื่อจัดตั้งธนาคารปู ,กุ้ง ,ปลา โดยจะมีเงินอุดหนุนในการดำเนินงานเป็นรายปี และจะมีการปล่อยสายพันธุ์กุ้งลงในพื้นที่เพาะเลี้ยงใหม่ ปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัวต่อปี” นอกจากนั้น ยังจะสนับสนุนพื้นที่ขายสินค้าทางทะเลให้กับชาวบ้าน ซึ่งท่าเรือฯ ได้จัดสรรพื้นที่บนบกจำนวน 55 ไร่ เพื่อให้ประชาชนในชุมชนที่อยู่โดยรอบท่าเรือฯ ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทั้งในแง่ของการเป็นแหล่งพักผ่อน,สถานที่ออกกำลังกาย หรือแม้แต่การจัดทำตลาดปลา ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อหาสินค้า โดยจะนำเรือประมงบางส่วนที่ไม่สามารถทำอาชีพต่อได้ มาสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมธนาคารหอย ปู ปลา และประชาชนในพื้นที่ยังสามารถนำบ้านที่มีมาดัดแปลงเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวในรูปแบบโฮมสเตย์ได้อีกด้วย ทั้งนี้ความจำเป็นของการพัฒนาโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ก็เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเล โดยที่ผ่านมาท่าเรือแหลมฉบัง ได้ดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือในโครงการ ระยะที่ 1 และ 2 ที่มีขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าที่ 10.8 ล้านทีอียูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากความเจริญเติบโตของประเทศ ทำให้การขนส่งสินค้าขยายตัวมากขึ้น และในปี 2559 ท่าเรือแหลมฉบัง มียอดขนถ่ายสินค้าผ่านท่าทั้งขาเข้าและออกจำนวน 7.06 ล้านทีอียูและยังมีอัตราการเติบโตที่ 5% ต่อปี จึงทำให้คาดการณ์ว่าในปี 2560 จะมีตู้สินค้าผ่านท่าประมาณ 7.4-7.5 ล้านทีอียู ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้ประเมินได้ว่าท่าเรือฯ จะถึงขีดความสามารถสูงสุดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าและหากเต็มศักยภาพแล้วจะไม่สะดวกต่อการนำเข้าและส่งออกของไทย จึงต้องเร่งก่อสร้างท่าเทียบเรือใหม่ ที่ต้องใช้เวลาก่อสร้างนานประมาณ 5 ปี แต่การก่อสร้างจะดำเนินการไม่ได้หากไม่ทำ EHIA ควบคู่ไปด้วย เพราะการก่อสร้างท่าเรือในระยะที่3 ถือเป็นโครงการที่ถูกจัดให้อยู่ในโครงการที่มีผลกระทบรุนแรง และผู้ที่จะได้รับผลกระทบคือ ผู้ที่อยู่บนบกและในทะเล โดยเฉพาะผู้ประกอบการประมง “ส่วนปัญหาที่ภาคธุรกิจที่ท่องเที่ยวเมืองพัทยา กังวลในเรื่องการเคลื่อนตัวของชายฝังนั้น ที่ผ่านมาเราได้เฝ้าระวังว่าการพัฒนาพื้นที่โครงการในระยะที่ 3 จะทำให้การเคลื่อนตัวของชายฝังผิดเพี้ยนไปหรือไม่ จึงได้ดำเนินการปักหมุดบริเวณชายหาดต่างๆ จำนวน 9 คู่ ในระยะ เมตรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งก็พบว่าที่ดินของชาวบ้านในจุดที่เกรงว่าจะได้รับผลกระทบยังอยู่เหมือนเดิมโดยไม่มีการกัดเซาะ แต่สิ่งที่น่าตกใจคือมีที่ดินเกิดขึ้นใหม่ นั่นหมายความว่ามีดินที่เกิดจากการถม ซึ่งการจัดการของท่าเรือฯ ก็อยู่ในกระบวนการขุดลอกและขอยืนยันว่าที่ที่งอกออกมาใหม่ ไม่ใช่ที่ของท่าเรือฯ ส่วนกรณีที่ชาวบ้านขอให้ ทลฉ.ดำเนินการขุดลอกปากคลองบางละมุงนั้น เราได้ดำเนินการแล้วตั้งแต่เมื่อ 3-4 ปีก่อน และขณะนี้ผู้รับเหมาก็อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่ง ทลฉ.ได้นำเรียนผู้บริหารระดับสูงของการท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้ว และได้มีการอนุมัติเหตุชอบให้ดำเนินการต่อเนื่อง” ส่วนกรณีที่หวั่นว่าการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3จะส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อเมืองพัทยานั้น ร.ต.ต.มนตรี ยืนยันว่าจากผลการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมพบว่าการกัดเซาะชายฝั่งจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ซึ่งใน EIA ระบุชัดว่าในแต่ละพื้นที่ย่อมมีการกัดเซาะชายหาดเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ระดับไม่เกิดเลย ,เล็กน้อย ,ปานกลางและสูงสุด ซึ่งสิ่งบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดคือ กรณีบ้านขุนสมุทรจีน บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดทั้งที่ไม่มีท่าเรือใดๆ เกิดขึ้น ขณะที่การกัดเซาะชายหาดเมืองพัทยา ถือเป็นพื้นที่ที่มีการกัดเซาะในระดับเล็กน้อย ประมาณ 5-10 เซนติเมตรต่อปีตามรายงานการศึกษา และหากนับไปถึงระยะ 10 ปี ก็จะมีการกัดเซาะประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งในส่วนของท่าเรือแหลมฉบัง ได้มีการปักหมุดไว้ตั้งแต่ปี 2541 “จุดนี้ขอเรียนว่าทรายกับน้ำ เป็นของคนละชนิด ทรายมีน้ำหนักเคลื่อนตัวได้ไม่ไกล แต่ฝุ่นแป้งจะเคลื่อนตัวได้ไกล ดังนั้นภาคธุรกิจเมืองพัทยา จึงไม่ต้องกังวลว่าทรายที่เกิดจากการถมพื้นที่โครงการจะฟุ้งไปไกลได้ถึง 10 กิโลเมตร แต่ปัญหาการกัดเซาะชายหาดในเมืองพัทยาเกิดจากสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเยอะจึงถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง มากกว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการก่อสร้างท่าเรือฯระยะที่ 3 อย่างไรก็ดีขอยืนยันว่า ท่าเรือแหลมฉบัง จะดูแลรูปแบบการก่อสร้างให้เป็นไปตามการศึกษาและออกแบบ โดยเฉพาะการเฝ้าระวังผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างดีที่สุด ”ร.ต.ต.มนตรี กล่าว ภาพข่าวโดยจี้ด ศรีราชา


 

> องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ สูงวัยสุขภาพดี กายใจเป็นสุขเนื่องในโอกาสเชิดชูเกียรติผู้สูงอายุจังหวัดชลบุรี

> นายก อบจ.ชลบุรี มอบข้าวสารกว่า 2,000 กิโลกรัม ให้กับผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ในเขตพื้นที่ ตำบลนาป่า

> รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เชิญชวนพี่น้องชาวชลบุรีเข้าร่วม “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ครั้งที่ 6 จังหวัดชลบุรี

> เทศบาลตำบลบางทราย จัดโครงการร้อยรักดวงใจ ใส่ผู้สูงอายุและผู้พิการ ประจำปีงบประมาณ 2567

> เทศบาลตำบลหนองไม้แดง จัดโครงการร้อยรวมใจสานสายใยชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

 
———————————————————————————————————————————————————————————–––––––––
www.ชลบุรีบูรพา.com © All Rights reserved 2016 Contact us. หมู่บ้านปรารถนา 3 ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี Tel. 086 313 4015
Email : kai_bangsaen13@hotmail.co.th